4. แนวโน้ม Social Network

 4.1 พฤติกรรมผู้บริโภค ต่อเว็บไซต์ Social Network   
     
   ปี 2010 และแนวโน้มในปีถัดไป โอกาสที่จะเห็นเว็บไซต์ไทยใหญ่ๆ เกิดขึ้นมา คงจะเป็นเรื่องที่เห็นกันได้น้อย เพราะปัจจัยสนับสนุนต่างๆ เช่น เว็บไซต์ที่เริ่มมีการเปลี่ยนรูปแบบจาก portal ไปสู่รูปแบบที่เป็น social กันมากขึ้น ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปกลายเป็นเจ้าของเว็บ(Blog) กันมากขึ้น ทำให้การเข้าถึงหรือการสร้างเว็บไซต์ขนาดใหญ่จะมีให้เห็นกันน้อยลง โดยเฉพาะในเมืองไทย อีกทั้งรูปแบบการเข้ามาของเว็บไซต์ต่างประเทศ มีการปรับเปลี่ยนแปลภาษา คือมีเว็บไซต์เวอร์ชั่นภาษาไทยกันมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นชัดเจน ได้แก่ Facebook, Friendster หรือ แม้แต่บริการอื่นๆ ที่มีรูปแบบเป็น Social Network ซึ่งปัจจัยนี้ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนไทยหลายๆ คน หันไปใช้บริการSocial Network มากขึ้น

 จากการสำรวจพฤติกรรม การใช้เว็บไซต์ที่มีรูปแบบเป็น Social Network (The Nielsen Company,2009) พบว่า ประเทศที่ใช้เวลากับ Social Network มากสุดคือ อิตาลี อเมริกา อังกฤษ โดยเฉลี่ยการใช้งานมากกว่า 6 ชม.ต่อเดือนต่อคน รองลงมาคือ สเปน บราซิล เยอรมณี ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ดังตาราง



และจากการสำรวจของ The Nielsen Company ยังพบอีกว่า จำนวนผู้ใช้เว็บไซต์ Social Network นั้นเติบโตประมาณ 50% และเวลาที่ใช้บน Social Network เติบโต 40% ในช่วงระหว่างปี 2008 – 2009 และดูเหมือนจะเติบโตต่อไป โดยเฉพาะในแถบเอเชีย






       
สำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคของคนไทยนั้น พบว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคจะใช้เวลาบนโลกอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น และเลือกที่จะเสพสื่อออนไลน์แทนสื่อดั้งเดิม ทำให้บทบาทของ Social Media ในช่วงนี้ถึงมาแรงและเป็นกระแสหลักของการตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน

กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 27.49 เปิดใช้งาน Social Network วันละหลายครั้งรวมแล้วต่อวันไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 18.71 ใช้งาน Social Network วันละ 1-2 ชั่วโมง และมีกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามถึง ร้อยละ 16.96 ที่เปิดใช้งาน Social Network ทั้งวัน ในจำนวนนี้ร้อยละ 11.7 ระบุว่า ไม่เคยใช้บริการเลย



สำหรับพฤติกรรมที่พบบ่อยที่สุดใน Social Network นั้น กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 33.53 ระบุว่า ใช้ในการพูดคุยกับเพื่อนและคนรู้จักบ่อยที่สุด นอกจากนี้ ร้อยละ 32.34 ใช้เพื่ออัพเดตข้อมูลข่าวสารในกลุ่มเพื่อนๆ ร้อยละ 11.98 ใช้เพื่อตอบความคิดเห็นของกลุ่มเพื่อนๆ และมีกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 11.38 ที่ใช้ Social Network เพื่อเล่นเกม และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 4.19 ใช้เพื่ออัพโหลดรูปสวยๆ ให้เพื่อนๆ ได้ดูนั่นเอง


4.2 Social Network กลยุทธ์ใหม่ทางการตลาด
    ฟิลิป คอตเลอร์ นักวิชาการระดับโลกแห่งวิทยาลัยการจัดการเคลล็อก มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา ในยุคที่การตลาดเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เทรนด์ของ Social Networking ถือได้ว่ามาแรงและทรงอิทธิพล โดยกล่าวว่าเทรนด์การตลาดที่น่าสนใจและถูกจับตามองคือรูปแบบของการตลาดแบบ Social Networking เนื่องจากเป็นการตลาดที่ต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิผลในการกระจายการรับรู้มาก โดยถ้าเจ้าของสินค้าต้องการทำการตลาดกับสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง ให้ทำการเจาะหากลุ่มนักศึกษาประมาณ 10 แห่ง และเลือกที่จะเข้าหา Social Leader ซึ่งจะเป็นคนที่ทุกคนรู้จัก โดยวิธีการคือการนำตัวอย่างสินค้าให้กลุ่มนี้ไปใช้ และเมื่อคนกลุ่มนี้นำไปใช้แล้วก็จะบอกต่อ ถือเป็นการบอกปากต่อปาก แต่จะมีประสิทธิภาพมากกว่าอดีต เพราะปัจจุบันกระแสของ New Media หรืออินเทอร์เน็ตแพร่กระจายอย่างรวดเร็วโดยกลุ่มคนที่เป็นผู้นำจะทำการสื่อสารไปในรูปแบบของBlog ,Facebook ,Hi5 ,Myspace, Youtube ,Twister โดย Social Network มีแนวโน้มเป็นกลยุทธ์ใหม่ทางการตลาด ดังนี้
 

  • เป็นการสื่อสารไปยังลูกค้าโดยตรง

 ปัจจุบันสื่อใหม่อย่าง Social Media กำลังได้รับความสนใจจากแวดวงธุรกิจเพิ่มมากขึ้น โดยเริ่มจากความสนใจในกลุ่มนักการตลาดกลุ่มเล็กๆของไทย จากนั้นในเวลาเพียงไม่กี่เดือนความสนใจได้ถูกส่งต่อและแพร่กระจายไปในแวดวงธุรกิจอย่างรวดเร็วราวกับ ไวรัส (Viral Awareness) ซึ่งแนวโน้มและความแรงของ Social Media นั้นคาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นไม่เฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่เป็น Long Tail Business ที่ถูกคาดหมายว่าน่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักแรกของการตลาดบน Social Media แต่ยังรวมถึงการขยับเข้ามาอย่างรวดเร็วของบรรดาธุรกิจขนาดใหญ่ที่แม้ว่าจะมีทุนมหาศาลในการทำการตลาด
Social Media นั้นทำหน้าที่เป็น ‘P’ ตัวที่ 4 ของตาราการตลาด นั่นคือ บทบาทของ Promotion ที่มีความสำคัญมากต่อธุรกิจ เพราะ Social Media นั้นมีบทบาทเป็นช่องทางการสื่อสารทางการตลาด (marketing Communication) ที่ทรงประสิทธิภาพมาก เพราะถึงแม้สินค้าจะมีราคาจะดี และสถานที่จัดจำหน่ายดีเพียงไร หากขาดช่องทางการสื่อสารสินค้าที่ดีแล้วย่อมทำให้ธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ดังนั้นนักการตลาดเองจำเป็นต้องปรับตัวให้เร็ว เพื่อเข้ามาช่วงชิงความได้เปรียบของการเป็น First Mover ในสนามการตลาดดิจิตอลในโลกของ Social Media
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และความนิยมในการใช้เครือข่าย Social Media ของผู้บริโภค ทำให้รูปแบบการสื่อสารทางการตลาดกลายเป็นการสื่อสารแบบ 2 ทาง (2-way communication) และผู้บริโภคในปัจจุบันกลายเป็น Pro-sumer คือ เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคข่าวสารในเวลาเดียวกัน ซึ่งนักการตลาดจะต้องเตรียมรับมือโดยใช้ความยืดหยุ่นทางการตลาดมาจับ Social Media และสื่อที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต

 อีกทั้ง Social Media เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารและสร้างความสัมพันธ์ของผู้บริโภคหลังจากที่รุกคืบเข้ามาในกระแสวงการสื่อสารการตลาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ Facebook, Twitter และ Blog ต่างๆ ซึ่งได้ผลเร็วและโหมแรงปากต่อปาก (Word of Mouth) ในกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยมียอดผู้ใช้งานโดยรวมสูงกว่าคนดูโทรทัศน์ทั่วโลก


· Social Network ย่อโลกเล็ก การสื่อสารไร้ขอบเขต

          การสื่อสารบนโลกออนไลน์กลายเป็นสิ่งที่ผนวกอยู่กับชีวิตของคนเราอย่างแยกไม่ออก ทั้งนี้เพราะระบบของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย หรืออุปกรณ์การเข้าถึงต่างๆ ได้ถูกพัฒนาขึ้นมามาก ที่เห็นได้ชัดเจนในวันนี้คือ โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆที่ออกมานั้น มีทั้งกล้องถ่ายภาพ มีระบบ WIFI มีเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถถ่ายรูปแบบโดยผ่านทางมือถือ แล้วสามารถเข้าโปรแกรมส่งรูปไปอัพได้ที่ Facebook ของตนเองเพื่อให้เพื่อนเข้ามาดูได้ทันที ซึ่งนี้ก็ถือเป็น Social Network อย่างหนึ่ง  ที่สำคัญการทำตลาดทาง Social Network จะทำให้ข้อมูลของสินค้าสามารถเข้าถึงได้ตรงกลุ่ม เป้าหมาย และสามารถวัดผลได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งจะแตกต่างไปจากการทำการตลาดแบบที่ผ่านมา เพราะการตลาดในยุคอดีตนั้น จะเป็นลักษณะ In Touch โดยทำอย่างไรก็ได้ให้คนดูสนใจหรือเรียกร้องความสนใจกับตัวโฆษณาให้ได้มากที่สุด โดยไม่สนใจว่า โฆษณาสินค้าชิ้นนั้นตรงกับกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งการทำการตลาดแบบหว่านเช่นนี้ ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก หรือแม้แต่การทำการตลาดแบบ Below the Line ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่า กลุ่มเป้าหมายสามารถรับรู้สารที่บริษัทสื่อสารไปได้มากน้อยแค่ไหน

สรุป  การตลาดในยุค Social Network จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดของนักการตลาดไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากสามารถแยกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน และเริ่มที่จะเป็น Consumer Center มากขึ้น ยกตัวอย่าง Federbrau, HTC วันนี้ต่างก็เดินหน้าทำการตลาดแบบ Social Network โดยมีการสร้าง Facebook ของแบรนด์ตัวเองขึ้นมา วันนี้ใครชอบก็เข้าไปชมความเคลื่อนไหว ไปร่วมแสดงความคิดเห็น พูดคุยกับคนคอเดียวกันได้ผ่านเว็บไซต์เหล่านั้น ในขณะเดียวกันเจ้าของแบรนด์ก็สามารถเข้ามาพูดคุยกับกลุ่มลูกค้าโดยตรงได้ จึงเกิดเป็น Relationship ระหว่างกันและด้วยระบบเทคโนโลยีนี่เองที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถบริหารจัดการต้นทุนการทำการตลาดได้อย่างชัดเจน และเกิดความคุ้มค่ามากขึ้น เพราะวันนี้ด้วยโปรแกรมไอทีสามารถตอบทุกคำถามได้หมด เช่นวันนี้ บริษัททำแคมเปญพิเศษบนสื่อ Online สามารถวัดผลได้ถึงจำนวนผู้เข้ามา จำนวนคนที่ซื้อสินค้า คือมีข้อมูล มีตัวเลขการเข้าถึงทุกอย่าง ซึ่งตรงนี้ทำให้บริษัทสามารถนำมาพัฒนาแคมเปญ และระบบการบริหารจัดการในการทำการโฆษณา เพราะทำให้รู้ว่าบริษัทจ่ายเงินไปเท่าไร และได้ลูกค้าเท่าไร ซึ่งการวัดผลตรงนี้ไม่สามารถทำได้เลยในสื่อประเภท Offline

· เป็น Mass Media
       ปรากฏการณ์ “Social Network”  ชุมชนในเครือข่ายบริการสังคม กำลังกลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกของการสื่อสารและโลกธุรกิจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ระบบคอมพิวเตอร์ผนวกเรื่องการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์เข้ากับโลกธุรกิจ โดยไม่ต้องพึ่งพา คนกลาง อีกต่อไป
          เครือข่าย Social Network ได้ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ จาก กิจกรรมเล่นๆ ในแวดวงเพื่อนฝูงที่สามารถติดต่อสื่อสารในวงกว้าง ปัจจุบันได้ขยายตัวออกไปสู่แวดวงธุรกิจ และกลายเป็น Tools ใหม่  ในแวดวงการตลาดที่กำลังมาแรง ในประเทศสหรัฐอเมริกามีการใช้บริการ Social Network ในปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และยังคงมาแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกออนไลน์ โดยมีเว็บไซต์ที่มีจำนวน ผู้เข้าชมสูงสุดทั่วโลก ได้แก่ My Space, Facebook โดยมี Facebook และ Twitter เป็นเว็บไซต์ที่มีเปอร์เซ็นต์เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

เรื่อง Social Network จึงเปรียบเสมือนกระแส จนกลายเป็นแฟชั่นที่ทำให้หลายส่วนเล็งเห็นทั้งผู้บริโภค จนไปเตะตากลุ่มนักการตลาดที่กำลังมองหาช่องทางรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากช่องทางรูปแบบเดิมๆ ที่ผู้บริโภคเริ่มปฏิเสธ (สื่อ Mass Communication) จนกระทั่งช่องทางของ Social Network เข้ามาตอบโจทย์รูปแบบการสื่อสารทางการตลาดเดิมๆ ที่นับวันจะยิ่งห่างจากกลุ่มผู้บริโภคที่มีความชื่นชอบเฉพาะตัวมากขึ้น นักการตลาดสมัยใหม่จึงเริ่มปรับรูปแบบการทำตลาดลงไปใน Network ด้วยข้อมูลที่เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของบริษัท เพราะเชื่อว่าการอาศัยเครื่องมืออย่าง Social Network จะมีความรวดเร็ว และมี Impact อย่างมหาศาล
          กระแส Social Network จึงกลายเป็น ไม้เด็ดทางการตลาด ที่บรรดาค่ายผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่เป็นทั้งกลุ่ม Mass และ Niche ขอเกาะขบวนเพื่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกวันนี้ บริษัททั้งหลายหันมาใช้ Social Network ในการประชาสัมพันธ์แบรนด์ ทั้งในรูปแบบเกมออนไลน์ โดยผ่านทาง Facebook, Twitter ฯลฯ โดยสอดแทรกการโฆษณาแบรนด์ตัวเอง ผ่านตัวละครหรือเนื้อหา หรือโปรโมทกิจกรรมผ่านสื่อ Online เหล่านี้


4.3 เทคโนโลยีสนับสนุนการเข้าถึง Social Network
·    มือถือช่องทางใหม่ของการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต
โทรศัพท์ที่สามารถเข้าสู่อินเทอร์เน็ต จะมีเพิ่มมากขึ้น ราคาอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือจะมีราคาถูกลง และโปรแกรม-แอพพลิเคชั่น รวมถึงเนื้อหา (Content) จะเริ่มมีเพิ่มมากขึ้น และ ความเร็วการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือจะมีความเร็วเพิ่มมากขึ้นจากการเปิดให้บริการ 3G หรือ Wimax ทั้งหมดนี้จะทำให้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้จากมือถือที่เริ่มออกวางจำหน่ายกันมาในช่วงนี้จะมีความสามารถในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ดีขึ้น

ล่าสุดการใช้ Social Network ผ่าน BlackBerry Messenger [BBM] เพื่อทำการอัพเดตสดๆ เพื่อนที่จับฉลากของขวัญปีใหม่ที่ออฟฟิศ ส่งภาพพร้อมคำบรรยายมาให้สมาชิกที่กำลังเดินทางกลับจากต่างจังหวัด นี่คือการใช้ social network ส่วน Youtube และ Flickr ถือว่าเป็น Social ที่ลงตัว เพราะการอัพเดตในทุกๆกิจกรรม คุณสามารถส่งภาพผ่าน Tweetphoto ถ่ายวีดีโอลง Youtube ให้เพื่อนดูได้ทันที การแสดงต่างๆได้แบบทันทีเช่นกัน สิ่งที่น่าสนใจก็คือการที่สื่อมวลชนนำ Social Network มาใช้เป็น Social Media เพื่อใช้เป็น New Media มากขึ้น การรายงานข่าวไม่ต้องรายงานต้นชั่วโมง มีเหตุการณ์อะไรก็พิมพ์เพื่อลงใน twitter ได้ทันที พร้อมภาพประกอบหรือวีดีโอให้ดูได้เลย ทั้ง BlackBerry, iPhone, Smartphone หรือแม้แต่มือถือทั่วไปก็รองรับ Facebook, Hi5, Twitter ให้ถ่ายภาพแล้วโพสรูปภาพได้เลย มีการแบ่งปัน การแชร์แบบเกิดขึ้นจริงในขณะนั้น ถือว่าเป็นการสร้างสัมพันธ์ เหมือนทุกคนที่ต้องการการยอมรับและการเข้าสังคม การแบ่งปัน รูปเพื่อให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นและยอมรับได้ทันที

· รูปแบบข้อมูลที่ตอบรับระบบอินเทอร์เน็ตและระบบ Social Network
เมื่อความเร็วอินเทอร์เน็ตมีความเร็วเพิ่มมากขึ้น เนื้อหาข้อมูลจากเดิมที่เป็นตัวหนังสือ หลายๆ เว็บก็เลือกที่จะเปลี่ยนรูปแบบของข้อมูลเป็นรูปแบบ ภาพวีดีโอ เพราะด้วยการสร้างไฟล์วีดีโอทำได้ไม่ยาก เพราะสามารถสร้างได้จากโทรศัพท์มือถือ และสามารถอัพโหลดไปเก็บไว้ได้ง่ายๆ ผ่านผู้ให้บริการมากมายหลายแหล่ง จะทำให้ข้อมูลรูปแบบวิดีโอนี้ เป็นเรื่องที่เห็นกันมากขึ้น

· ระบบอินเทอร์เน็ต

          ระบบอินเทอร์เน็ตที่มีความรวดเร็วขึ้น สอดรับทิศทางในปี ค.. 2010 เพราะ Internet 3 – 4 Mbps สามารถส่งภาพ กระทู้ วีดีโอได้อย่างรวดเร็ว ในทุกๆการอัพโหลดข้อมูลหรือรูปภาพนั้นๆ ทุกเว็บไซต์ ทุก Blog เมื่อมีเนื้อหาใหม่ก็ทำการอัพโหลดข้อมูลไว้สื่อ Social Network ช่วยให้คนสามารถรู้จักมากขึ้น





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น