9. รายชือ Blog ฟรี

http://www.blogger.com  
http://th.wordpress.com             
http://learners.in.th/blog 
http://www.gotoknow.org
http://www.exteen.com 
http://www.bloggang.com
http://blog.212cafe.com  
http://blogger.sanook.com
http://blog.mthai.com                  
http://bloggoo.com
http://idatablog.com                      
http://blog.tuk-tuk.com
http://blog.kudson.com                      
http://skoyz.com
http://www.blogka.com  
http://blog.hunsa.com                   

7.ข้อควรระวังในการสร้าง Blog

บล็อกเป็นบันทึกส่วนตัวหรือไดอารี่ที่อัพเดตสม่ำเสมอ ผู้ใช้แต่ละคนในเว็บไซต์จะมีบล็อกของตัวเอง เมื่อท่านสร้างเสร็จ แล้วคลิกปุ่มยืนยัน ข้อมูลทั้งหมดจะแสดงต่อสายตาชาวโลกทันที ดังนั้นท่านต้องระวัง ดังนี้
1. การนำข้อมูลจากที่ใดมาทั้งข้อความรูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว ต้องอ้างอิงแหล่งที่มาให้ถูกต้อง มิฉะนั้นท่านอาจถูกฟ้องร้องได้
2. ไม่ควรลอกข้อมูลมาทั้งหมดแล้วมาวางไว้ โดยไม่มีข้อมูลจากแหล่งอื่นมาผสมผสาน ถือว่าไม่ถูกต้อง จะต้องเอาข้อมูลที่อื่นมาเพียงเป็นส่วนประกอบเพื่อสนับสนุนแนวคิดของตนเอง หรือเอามาจากหลายแหล่งแล้วเรียบเรียงด้วยภาษาของตนเอง จะดีมาก

6.เหตุผลดีๆ ที่ความมี Blog



  1. ประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่า ยังมีธุรกิจของเราอยู่บนโลกนี้
  2. สร้างความน่าสนใจให้สินค้าและบริการ ด้วยรูปแบบภาพเคลื่อนไหว หรือวีดีโอ
  3. มีอีเมล์เป็นของตัวเอง พอมีเว็บ ก็ได้อีเมล์ฟรี ดีกว่าใช้ของคนอื่นเป็นไหนๆ
  4. สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นอย่างดี
  5. ลดค่าใช้จ่าย เพราะสามารถทำ e-brochure ให้ลูกค้า download ไปอ่านได้ทันที
  6. ไม่ต้องหาลูกค้า เพราะลูกค้าจะมาหาเราเอง
  7. ราคาค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับโฆษณาในสื่อๆ ต่างกันลิบลับ
  8. ปรับเปลี่ยนข้อความโฆษณาได้สะดวก ค่าใช้จ่ายไม่บายปลาย เหมือนเอกสาร
  9. เข้าถึงคนทุกเพศทุกวัย ทุกชาติ ทุกภาษา

5.อยากมี Blog ต้องทำอย่างไร

กรณีที่มีอุปกรณ์เครื่องแม่ข่าย หรือ เซิร์ฟเวอร์ (Server)
·       เลือก และ ดาว์นโหลด (Download) โปรแกรมส่าหรับท่าบล็อก เช่น เวิร์ดเพรส
         (Wordpress), ดรูปัล (Drupal) เป็นต้น
·       ติดตั้งระบบจัดการฐานข้อมูลที่เซิร์ฟเวอร์ ในกรณีที่จัดเก็บข้อมูลในลักษณะฐานข้อมูล
·       เช่น หากเราต้องการติดตั้งโปรแกรมเวิร์ดเพรส หรือ ดรูปัล จะต้องติดตั้งระบบจัดการ
·       ฐานข้อมูล คือ MySQL (มายเอสคิวแอล) 
·       ติดตั้งโปรแกรมส่าหรับทำบล็อก เช่น เวิร์ดเพรส หรือ ดรูปัล ที่เซิร์ฟเวอร์

กรณีที่ไม่มีอุปกรณ์เครื่องแม่ข่าย หรือ เซิร์ฟเวอร์ (Server)
ปัจจุบันมีการให้บริการพื้นที่และระบบบล็อกมากมายบนอินเตอร์เน็ต (Internet) เช่น
v http://wordpress.com
v https://www.blogger.com
v http://www.myspace.com
v http://multiply.com
v http://www.hi5.com

4. ประโยชน์ของ Blog

การเขียนบล็อกมีทั้งการให้บริการแบบไม่เสียค่าบริการและเสียค่าใช้บริการ อีกทั้งปัจจุบันมีแนวโน้มการสมัครเป็นสมาชิกของบล็อกมีมากขึ้น  เนื่องจากการเขียนบล็อกมีผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน  ผู้คนจึงให้ความสนใจ และเล็งเห็นถึงประโยชน์ของบล็อกซึ่งสรุปได้ดังนี้

1 ให้ข่าวสารข้อมูล
เว็บไซต์ของเราเอง เราสามารถที่จะทำตัวเป็น Guru หรือผู้รู้ด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษได้ ทั้งเรื่องกีฬา แฟชั่น ดนตรี หรือเรื่องอะไรก็ได้ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเหตุบ้านการเมือง   เมื่อเราเป็นฝ่ายให้ข้อมูลไปก็ต้องระวังเรื่องเสียงตอบรับกลับมาด้วยเช่นเดียวกัน




2 ให้ข้อคิดเห็นและใช้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เว็บบล็อกจะมีระบบคอมเมนต์บล็อกที่เราเขียนไว้  เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของเรา ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เขียนไว้ในบล็อกและสนใจเหมือนกัน


3.  พบเจอเพื่อนใหม่ ๆ
การมีสังคมบนโลกออนไลน์ง่ายขึ้นเป็นกองด้วยการมีบล็อก  เพราะเรื่องราวในบล็อกของเราจะเป็นสื่อที่ทำให้คนอื่นทั่วไปในอินเทอร์เน็ตรู้จักเรามากขึ้น  การโพสต์รูปหรือข้อความหลายเท่านัก  ซึ่งการคอมเมนต์บล็อกช่วยให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและได้เพื่อนเพิ่มขึ้นอีกด้วย


4  ค้าขายสินค้าในเว็บบล็อก
บล็อกนั้นก็เป็นเหมือนเว็บไซต์ส่วนตัวของ  จึงมีหลายคนใช้เว็บบล็อกเป็นแหล่งให้ข้อมูลและใช้     โพสต์รูปสินค้าไปด้วยแต่ควรตรวจสอบว่าบล็อกที่สมัครได้รับอนุญาตให้ขายสินค้าหรือไม่


5   ออกแบบได้ง่าย ไม่เสียเงิน
การสร้างบล็อกสามารถใช้เครื่องมือในการออกแบบได้ง่ายไม่จำเป็นจะต้องรู้เกี่ยวกับภาษาคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์ไม่ต้องซื้อหนังสือเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์เล่มโต   อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่บนอินเตอร์เน็ตอีกด้วย

3.หลักปฎิบัติในการสร้าง Blog



1.   เขียนจากเนื้อหาตน หรือ ในเชิงเล่าเรื่อง
2.   อ้างอิงที่มาให้ชัดเจน
3.    ไม่คัดลอกเนื้อหา ภาพ และสื่อผู้อื่นมา โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีสิทธิ์ หรือไม่อ้างอิง
4.  ไม่ควรคัดลอกเนื้อหาจาก Word หรือ สื่อดิจิทัลต้นฉบับมาวางทันที ควรวางผ่านโปรแกรม NotePad ก่อน แล้วจึงคัดลอกมาวางใน Blog เพื่อป้องกันปัญหาแบบอักษรที่แตกต่างไปจากค่ากำหนด (default) ของระบบ
5. จัดเตรียมภาพให้มีขนาดที่เหมาะสมก่อนนำเข้าระบบ
6. ไม่แนบเอกสารดิจิทัลต้นฉบับเข้าสู่ระบบ ควรแปลงเป็นฟอร์แมตที่เหมาะสมก่อน เช่น PDF
7. ระบุ Title ของเนื้อเรื่องให้ชัดเจน แต่ไม่ยาวเกินไป
8. มีข้อความเกริ่นนำประมาณ 1 พารากราฟ (ไม่เกิน 5 บรรทัด) แล้วใช้เครื่องมือแบ่งตอน เพื่อนำเสนอเนื้อหาละเอียด
9. ระบุ Tag กำกับเนื้อหาเรื่องให้เหมาะสม
10.เลือกหมวดเนื้อหา/กำหนดเนื้อหาที่เหมาะสม
11.อ้างอิง url แหล่งข้อมูลต้นฉบับด้วย Trackback
12.ใช้ภาษาสุภาพ
13.ให้ความสำคัญกับการใช้ภาษาไทยที่เหมาะสม โดยเฉพาะคำทับศัพท์ และการใช้เครื่องหมาย      วรรคตอน

1.Blog คืออะไร

บล็อก (Blog) มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)

ความหมายของคำว่า Blog ก็คือ การบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง

มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่ การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น

..จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง..

ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPressMovable Type เป็นต้น ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq เลยทีเดียว
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจาก การเขียนเป็นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่างๆ หลายๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูล ตั้งแต่เรื่องการเมือง ไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุม ระดับชาติ
และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ ที่สำคัญอย่างแท้จริง สรุปให้ง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย


บล็อก (อังกฤษ: blog) เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก (อังกฤษ: weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือ วิดีโอ ในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คำว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"
บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำบล็อกของทางบริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
ในหนึ่งหน้าเว็บไซต์ของบล็อกจะถูกนำเสนอในลักษณะของ ชุดของบทความหรือสารสนเทศ ที่เรียงตามลำดับของวันเวลาที่บันทึกหรือเผยแพร่ ซึ่งเนื้อหาที่นำเสนอนั้น อาจเขียนโดยเจ้าของบล็อก หรือ รวบรวมมาจากเว็บไซต์อื่น หรือนำมาจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ หรือ ส่งมาจากผู้อื่น ก็ได้

2. Blog แตกต่างจาก Website อย่างไร??

ในเบื้องต้น Blog จะแตกต่างจากเว็บไซต์แบบ Static ตรงที่ Blog จะมีเรื่องให้น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นบทความใหม่ๆ ที่มีให้อ่านมากกว่า มีพื้นที่ให้ผู้อ่านได้โต้ตอบได้ จนกระทั่งมีผู้กล่าวไว้ว่า Blog จะมาแทนที่เว็บไซต์นิ่ง ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนโบรชัวร์ออนไลน์


สำหรับประเด็นที่ทำให้ Blog แตกต่างจากเว็บไซต์ทั่วไป มีดังนี้
1. มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้เขียนและผู้อ่านได้ หรือที่เราเรียกว่า Interactive นั่นเอง
2. บทความใน Blog จะเขียนในรูปแบบที่เป็นกันเอง และดูเหมือนการสนทนา มากกว่าในเว็บไซต์
3. ระบบที่ใช้เขียน Blog นั้นง่าย ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเซียนคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเขียน Blog ได้
4. อัพเดทได้บ่อยมาก และยิ่งอัพเดทบ่อย จะยิ่งดีต่อการมาเก็บข้อมูลของ Search Engine นะ นั่นจะทำให้ตำแหน่งผลการค้นหาของเราใน Search Engine นั้นสูงตามไปด้วย
5. Blog เป็นรูปแบบหนึ่งของการทำการตลาดแบบไวรัส (Viral Marketing)

8.ข้อมูลอ้างอิง

ข้อมูลและเอกสารอ้างอิง จาก


Amwalker. 2550. Social Network กับความเป็นมืออาชีพทางธุรกิจ (ออนไลน์
เข้าถึงจาก http://www.amwalker.com
OK Nation 2553. ‚Social Web/Viral Marketing อาวุธธุรกิจในยุค Social Network (ออนไลน์เข้าถึงจาก http://www.oknation.net/blog/108IT/2010/01/20/entry-1
wiseknow. 2551. จับกระแส Social Networking เมื่อสังคมออนไลน์คือพระเจ้า!!” (ออนไลน์) เข้าถึงจาก http://www.wiseknow.com/blog
Cioworld.2551. ทันโลกกับ Social Network (ตอนที่ 1) (ออนไลน์) เข้าถึงจาก http://www.cioworld.in.th
ประชาชาติธุรกิจ .2551. SOCIAL NETWORKING ต้นทุนต่ำแต่มากประสิทธิภาพ (ออนไลน์) เข้าถึงจาก http://inside.cm.mahidol.ac.th/bm/index.php
Positioning Magazine.2552.ปั้นธุรกิจด้วย Social Networkng (ออนไลน์) เข้าถึงจาก http://www. Positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=680
Quickpc.2552.Social networking ผู้พลิกโฉมวงการสื่อสาร (ออนไลน์) เข้าถึงจาก http://www.quickpc.co.th
Bangkokbiznews.2550.เทคนิคส่าหรับมือใหม่น่า Social Network ไปใช้กับธุรกิจ (ออนไลน์) เข้าถึงจาก http://www.bangkokbiznews.com
Pawoot.2553. เทคนิคส่าหรับมือใหม่น่า Social Network ไปใช้กับธุรกิจ (ออนไลน์) เข้าถึงจาก http://www.pawoot.com/article/social-network-marketing/538
Yellowpages.2552. นวัตกรรม ธุรกิจ ออนไลน์: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย Social Network (ออนไลน์) เข้าถึงจาก http://market.yellowpages.co.th/kmdetail.php?n=526130002
It knowlefge.2553. Social Network กับองค์กรภาครัฐ Trend ที่ควรติดตามหรือเพิกเฉย ??? (ออนไลน์) เข้าถึงจาก http://km.gits.net.th/node/123

Thailand Blog Award;.2533. ผลการประกวด Thailand Blog Awards 2010 เข้าถึงจาก http://www.thailandblogawards.com/result.php
Wikipedia.2553.บล็อก.http://th.wikipedia.org/wiki/บล็อก
Wordpress.com.2553.หลักปฏิบัติในการสร้างบล็อก. http://pwwk2009.files.wordpress.com/2010/07/wordpress.pdf
Itoeblog 2010.  สอนสร้าง เทคนคิการใช้งานและการปรับแต่ง  Blogger(ออนไลน์)   เข้าถึงจาก http://itoeblog.blogspot.com/
Hackblog 2010.  บทความสำหรับ Blogger มือใหม่ (ออนไลน์) เข้าถึงจาก  http://www.hackublog.com/
Enjoyday 2009.   เทคนิคการทำ Blog ให้น่าติดตาม(ออนไลน์) เข้าถึงจาก  http://www.enjoyday.net
Wittybuzz 2009. บทความ Blog เข้าถึงจาก  http://wittybuzz.blogspot.com